กรุงเทพประกันภัยปรับแผนพลิกฟื้นธุรกิจโตทุกมิติปี 66 ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 3 หมื่นล้านบาท โต 12.5%

กรุงเทพประกันภัยเผยแผนพลิกฟื้นธุรกิจทะยานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเติบโตในทุกมิติ ประกาศแผนปี 66 ตั้งเป้าเบี้ยฯ 30,000 ล้านบาท โตร้อยละ 12.5 ชูผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและบริการประทับใจ เสริมทัพเทคโนโลยี  ตอกย้ำการเป็น Data-Driven Organization พร้อมมาตรการเสริมความปลอดภัยด้านไซเบอร์ 

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัยจำกัด (มหาชนหรือ BKI เปิดเผยว่า ปี 66 บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโต 12.5% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประมาณ 13,096 ล้านบาท และ เบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือ Non-Motor ประมาณ 16,904 ล้านบาท 

จากผลการดำเนินงานปี 65 บริษัทสามารถขยายงานด้านเบี้ยประกันภัยรับรวมได้เกินเป้าหมายโดยเติบโต 8.8% หรือ คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 26,676.3 ล้านบาทและ มีรายได้สุทธิจากการลงทุน6,254.6 ล้านบาท แต่ด้วยภาระผูกพันในการจ่ายเคลมสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด-19 ซึ่งสิ้นสุดลงในช่วงไตรมาส 2 ส่งผลให้บริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 638.4 ล้านบาท 


สำหรับแผนประกันภัยรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า(EV) โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ซ่อมห้างสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าถึง 33 รุ่น จาก 20 แบรนด์ชั้นนำ โดยการรับประกันภัยรถยนต์ EV ของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมียอดสะสม (งานใหม่รวมต่ออายุราว 2,000 คัน เป็นเบี้ยประกันภัยรวมมากกว่า 100 ล้านบาท ( มี.. 66) และ คาดว่า ทั้งปี 66 จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมไม่ต่ำกว่า 120-140 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2566 สมาคมประกันวินาศภัยไทยประเมินว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 4.5 - 5.0 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยภาพธุรกิจจะได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าหลังผ่านพ้นช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง  ทั่วโลกกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ 

โดยธุรกิจประกันวินาศภัยจะได้รับประโยชน์จากยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในปี 66 ที่คาดว่า จะเติบโตเป็นบวกต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และการขยายตัวของประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทยท่องเที่ยวต่างประเทศรวมถึงยังมีนโยบายจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในอัตรา 150-300 บาทต่อคน ซึ่งคาดว่าค่าธรรมเนียมส่วนหนึ่งจะนำมาเป็นเบี้ยประกันภัยสุขภาพของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ


ด้านตลาดการรับประกันภัยต่อ ยังคงมีการปรับอัตราเบี้ยประกันขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง และจากปัญหา Climate Change ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลให้ต้นทุนการชดใช้ค่าสินอย่างทดแทนเพิ่มสูงขึ้นบริษัทประกันภัยจึงมีโอกาสได้รับเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะเดียวกันการแข่งขันด้านราคามีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ภายหลังจากที่บริษัทประกันภัยหลายแห่งต้องถูกปิดกิจการ และ ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักในปีที่ผ่านมาผนวกกับการเตรียมรับมือกับอัตราค่าสินไหมทดแทนของประกันภัยรถยนต์ที่มีแนวโน้มจะเริ่มสูงขึ้นเมื่อการเดินทาง และ การใช้ชีวิตของบุคคลกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ

รวมถึงยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการยกเลิกผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน(LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย และ ราคาบ้านอยู่อาศัยที่ปรับเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อปริมาณเบี้ยประกันอัคคีภัย เช่นเดียวกับประกันภัยทางทะเล และ ขนส่งที่ได้รับผลกระทบจากการส่งของของประเทศที่ตัวลงตามสภาพของเศรษฐกิจโลก 


ขณะที่ประกันภัยสุขภาพแม้จะได้รับผลประโยชน์จากผู้บริโภคตระหนักถึงความเสี่ยงด้านการเจ็บป่วยและภาระค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น แต่บริษัทประกันภัยมีแนวโน้มจะเพิ่มความระมัดระวังในการขยายงานประเภทนี้มากขึ้น ภายหลังเริ่มบังคับใช้มาตรฐานใหม่ของการประกันภัยสุขภาพส่งผลให้ความเสี่ยงประกันภัยในการรับประกันจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 

โดยในปี 2566 บริษัทฯเน้นย้ำการเพิ่มศักยภาพการบริการ รวดเร็วเเละประทับใจมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทุกมิติ ด้านปรับลดระยะเวลาการจ่ายค่าซ่อมอู่ในสัญญาภายใน 3 วันทำการ เพิ่มคุณภาพอู่บริการ เพิ่มแพลตฟอร์มพาร์ทเนอร์  สร้างความเชื่อมั่นด้วยระบบ Cyber Security ที่เเข็งแกร่ง มุ่งสู่ธุรกิจประกันภัยอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน